วันจันทร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2556

ส้มตำผลไม้


อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันสงกรานต์ วันปีใหม่ของไทยเรากันแล้วนะคะ ทุกๆ ครอบครัวก็จะได้กลับมารวมญาติกัน เพราะปีนี้เป็นวันหยุดยาวติดต่อกันถึง 5 วันทีเดียว มีเวลาที่จะพูดคุย สังสรรค์กันในหมู่เครือญาติ และเพื่อนสนิทกันหลายวัน และวันหยุดยาวๆ แบบนี้ล่ะค่ะ ที่จะต้องมีการทำอาหารรับประทานกัน เป็นปาร์ตี้เล็กๆ เมนูอาหารไทยวันนี้ ขอเสนอ ส้มตำผลไม้ ให้มาเป็นหนึ่งในเมนูสังสรรค์ เพราะคิดแล้วว่า ในวันนี้เราคงมีผลไม้หลายชนิดที่ลูกหลาน ต่างก็หอบหิ้วมาฝากกัน สมาชิกในครอบครัวน่าจะดัดแปลงมาทำเป็นส้มตำผลไม้ เป็นเมนูสุขภาพ เหมาะสำหรับสาวๆ และผู้สูงวัยในบ้านเราด้วยค่ะ  ทานผลไม้มากันจนเบื่อ เปลี่ยนแปลงบ้าง ก็น่าจะทำให้มีความสุข ครึกครื้นกันไปนะคะ

ส้มตำผลไม้ ของเราทำไม่ยากค่ะ เรียกหาวัตถุดิบเอาแถวๆ ในครัว หรือซื้อเพิ่มเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่สิ้นเปลืองงบประมาณเท่าไหร่ เพราะ น้ำปลา มะนาว พริกขี้หนู น้ำตาลปี๊บ กระเทียม สิ่งเหล่านี้ เรามักจะมีติดครัวบ้านเราอยู่ตลอดเวลา ถ้าจะหาซื้อเพิ่มก็น่าจะเป็น กุ้งแห้ง ถั่วลิสงคั่ว ผักสดที่จะใส่เพิ่ม หรือกินแกล้มกับส้มตำ จำพวกผักกาดหอม กะหล่ำปลี มะเขือเทศ แครอท ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลนะคะ ถ้าไม่ชอบก็ไม่จำเป็นจะต้องไปซื้อมาให้เปลืองสตางค์ค่ะ
สำหรับน้ำยำ ที่จะนำมาปรุงกับส้มตำผลไม้  หลายๆ คนอาจจะใช้ของสดๆ เช่น ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาวบีบลงไป ตักน้ำตาลปี๊บลงไปคลุก เพื่อให้ครบ 3 รส แต่หลายๆ คน อาจจะชอบเตรียมการด้วยการเคี่ยว น้ำตาลปี๊บ มะขามเปียก และน้ำปลา ใส่ขวดโหลแช่ตู้เย็นเตรียมไว้พร้อมสรรพ เพื่อเวลาที่จะทำส้มตำผลไม้รับประทานกันจะได้ไม่ยุ่งยาก เพราะบางคนที่รักสุขภาพมากๆ อาจจะไม่รับประทานอาหารอื่นใดเลย นอกจาก ส้มตำผลไม้นี่ล่ะ อย่างที่บอก ผลไม้ที่ลูกหลานหิ้วมา หรือผลไม้ที่ปลูกไว้ บางบ้านมีฝรั่ง มะม่วง ชมพู่ มะยม กะท้อน มะขาม ก็สอยมารวมญาติกันได้เช่นกัน  หรือบางคนไม่ชอบผลไม้ประเภทนี้ แต่ที่บ้านมีผลไม้ที่มีอยู่ในตู้เย็น อย่างเช่น แอปเปิ้ล สับปะรด ส้มโอ แก้วมังกร องุ่น ก็นำมาหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมพอคำ จากผลไม้แต่ละชนิดที่มีอยู่ อย่างละลูก สองลูก รวมๆ กันแล้ว อาจจะได้ส้มตำผลไม้เป็นถาดใหญ่เลยทีเดียว  แต่ไม่แนะนำให้ทำ ส้มตำผลไม้ทีละมากๆ นะคะ เพราะหากทานไม่หมดในครั้งเดียว รสชาติจะจืด และเสียรสไปเลย

ส้มตำผลไม้ เป็นเมนูอาหารไทย ที่ขึ้นชื่อลือชาในเรื่องของการดัดแปลง หากว่าใครหลายๆ คนที่กำลังเบื่ออาหาร อยากทานส้มตำ แต่ไม่กล้าทานปู ปลาร้า เพราะกลัวจะเสาะท้อง ก็แนะนำให้ทานเป็น ส้มตำผลไม้แทน นอกจากจะอร่อยลิ้น จนวางช้อนไม่ลงแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากๆ ด้วยค่ะ

วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2556

พล่าปลาหมึก


อาหารไทย เป็นอาหารที่มีรสชาติจัดจ้าน อาหารบางชนิดเวลารับประทาน จะต้องมีการซู้ดปาก ออกอาการเผ็ดร้อน จนต้องเรียกหาน้ำมาดื่ม เพื่อขับไล่ความร้อนแรงออกไปให้เร็วที่สุด แต่กระนั้นก็ยังไม่วางช้อน ไม่ยอมแพ้กันไปง่ายๆ บางครั้งเมื่อมีโอกาสทำอาหารให้ชาวต่างชาติรับประทาน จะถูกดักคอไว้ก่อนเสมอว่า ห้ามทำแบบจืดๆ ทำให้เสียรสชาติดั้งเดิมโดยเด็ดขาด ทั้งๆ ที่เราหวังดี เพราะกลัวจะทานไม่ได้ เนื่องจากอาหารไทยบางอย่างที่สั่งมา จะเป็นอาหารที่มีรสชาติจัดจ้าน เผ็ดร้อน แต่อร่อยลิ้นเป็นที่สุด หนึ่งในอาหารไทยที่มีรสชาติร้อนแรง ทั้งชาวไทย และชาวเทศชอบรับประทานกันมาก ก็คือ พล่าปลาหมึก หรือถ้าใครไม่รับประทานปลาหมึก ก็อาจจะเปลี่ยนเป็น พล่ากุ้ง ก็ได้
ในวงสังสรรค์ ในวันว่างๆ ของครอบครัว เมนูเด็ดที่มักจะนึกถึงเป็นอันดับต้นๆ รองลงมาจาก ส้มตำ และยำต่างๆ ก็คือ พล่าปลาหมึก เป็นเมนูเด็ดที่ทำง่ายมากๆ และมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าปลาหมึกจะมีคลอเรสเดอรอลสูงก็ตาม แต่ด้วยภูมิปัญญาไทยของ แม่ครัวไทยสมัยโบร่ำ โบราณ ก็ได้หาวิธีแก้ไว้พร้อมในเมนูเดียวกันนี่เอง โดยส่วนประกอบอาหารของ พล่าปลาหมึกนั้น มีสมุนไพรไทยที่มีสรรพคุณในการลดคลอเรสเตอรอลอยู่พร้อม ไม่น่าเชื่อใช่มั๊ย หลายๆ คนไม่กล้ารับประทานพล่าปลาหมึก ทั้งๆ ที่ชอบแสนชอบ แต่ก็กลัวคลอเรสเตอรอลขึ้นใจจะขาด ด้วยความไม่กล้า และไม่ศึกษาให้ลึกซึ้ง ประกอบกับชอบคิดไปเอง ทำให้ต้องอดรับประทานอาหารที่ชอบ ถือว่าเป็นการขาดความสุขชนิดหนึ่งของชีวิต

การทำ พล่าปลาหมึก ไม่มีขั้นตอนยุ่งยากอะไรเลย เราแค่ลวกปลาหมึกให้สุก แล้วปรุงรสด้วย น้ำมะนาว น้ำปลา น้ำตาล และน้ำพริกเผาเข้าด้วยกัน จากนั้นก็ใส่เครื่องปรุงต่างๆ ที่ประกอบไปด้วยสมุนไพรรักษาสุขภาพ โดยสมุนไพรที่ว่า จะประกอบไปด้วย ตะไคร้ ใบมะกรูด หอมใหญ่ สะระแหน่ ต้นหอม ผักชี พริก  ลงไปคลุกรวมกับปลาหมึก เป็นอันเสร็จขั้นตอน ยกเสิร์ฟได้ โดยจะรับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ หรือเป็นกับแกล้มในวงเหล้าก็ถูกใจคอเหล้า  ทีนี้เรามาดูสรรพคุณของสมุนไพรแต่ละชนิดกันบ้าง ว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพพของเราอย่างไร ทำไมถึงทำให้ พล่าปลาหมึก กลับมาเป็นอาหารไทยจานโปรดของเราอีกจนได้

เริ่มจาก ตะไคร้ มีสรรพคุณ แก้โรคทางเดินปัสสาวะ ขับลมในลำไส้ ทำให้เจริญอาหาร บำรุงสมอง ช่วยให้สมาธิดี   สระแหน่ง มีสรรพคุณ รักษาโรคเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ และเป็นตัวขับไล่อนุมูลอิสระออกจากร่างกาย หอมใหญ่ ช่วยลดการอุดตันไขมันในเส้นเลือด ลดคลอเลสเตอรอลในเลือด ทำหน้าที่ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน ยับยั้งการก่อตัวของเซลล์สมอง ถ้ารู้อย่างนี้แล้ว หม่ำๆ กันได้หรือยัง

วันพุธที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2556

ฉู่ฉี่ปลาทู

ฉู่ฉี่ปลาทู


อาหารไทยเมนูต่อไปเป็นเมนูปลา สังเกตุได้ว่าที่บล็อกนี้ไม่ค่อยมีเมนูปลาสักเท่าไหร่ วันนี้เราจึงนำเสนอเมนูปลากัน สำหรับเมนูที่เรานำเสนอในครั้งนี้เป็น เมนูอาหารไทยที่มีชื่อว่า ฉู่ฉี่ปลา
ปลาที่เราจะใช้เป็นปลาทู ปลาทู ที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป ซึ่งปลาทูอุดมไปด้วยโปรตีน และยังมีโอเมก้า 3 ในปริมาณที่มากด้วยซึ่งเป็นประโยชน์ต่อหัวใจและเส้นเลือด นอกจากนี้การนำปลาทูมาทำฉู่ฉี่ยังทำให้ปลาทูมีรสชาติดีขึ้นและรับประทานได้ง่ายขึ้นด้วย


ส่วนประกอบ
ปลาทูนึ่ง,ทอดหรือสด 2 ตัว
พริกแกงเผ็ด 2 ช้อนโต๊ะ
หัวกะทิ 100 กรัม แบ่งออกมา 1 ช้อนโต๊ะ
หางกะทิ 200 กรัม
น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
ใบมะกรูด 2-3 ใบ
พริกชี้ฟ้าแดง 1-2 เม็ด

วิธีทำ
1) หั่นใบมะกรูดเป็นเส้น หั่นพริกชี้ฟ้าแดงตามทางยาว ถ้าใช้ปลาทูสดให้ควักใส้ออกมา

2) ตั้งกระทะ ใส่หัวกะทิลงไป เมื่อเริ่มแตกมันแล้วใส่พริกแกงลงไปผัดให้หอม

3) เมื่อผัดพริกแกงจนทั่วแล้ว ใส่หางกะทิลงไป ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย และน้ำปลา ลองชิมรสแล้วปรุงรสเพิ่ม ถ้าใช้ปลาทูสดให้ใส่ปลาที่จุดนี้ แล้วรอจนปลาสุก

4) นำปลาทูนึ่งวางบนจาน ราดน้ำฉู่ฉี่ จากนั้นราดหัวกะทิที่เตรียมไว้ จัดวางพริกสดและใบมะกรูดที่หั่นไว้ พร้อมเสริฟ

วันอังคารที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2556

ข้าวต้มทรงเครื่อง

อาหารไทย - ข้าวต้มทรงเครื่อง

ข้าวต้มทรงเครื่อง

เมนูที่นำเสนอในวันนี้เป็นเมนูสุขภาพ ที่ทานง่ายกันทั้งครอบครัว เนื่องจากมีการใช้น้ำมันน้อย และยังได้สารอาหารจากเนื้อต่างๆที่รวมอยู่ในเมนูนี้ หากได้รับประทานน้ำซุปร้อนๆจากอาหารไทยเมนูนี้ในช่วงอากาศเย็น คงจะมีความสุขไม่น้อย เมนูที่เราแนะนำก็คือ ข้าวต้มทรงเครื่อง
ข้าวต้มทรงเครื่องอยู่คู่คนไทยมานาน สามารถหารับประทานได้ทั่วไป รวมถึงรสชาติที่สามารถปรุงเองได้ ซึ่งทำให้คนที่ป่วยเป็นไข้ก็สามารถรับประทานได้เหมือนกัน แถมยังรับประทานแล้วดีด้วย เนื่องจาก อาหารไทยเมนูนี้มีความร้อนและโรยหน้าด้วยพริกไทย มีสรรพคุณช่วยขับเสมหะ ขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ สำหรับวันนี้เรามีวิธีการทำข้าวต้มทรงเครื่องมาฝาก


ส่วนประกอบ
ข้าวสาร 2 ถ้วย
น้ำเปล่า 2 ลิตร
ซี่โครงหมู(หรือกระดูกที่มีเนื้อติด)
คื่นไช่
ต้นหอม 4 ต้น
เห็ดหอม 50 กรัม
หมูสับ 300 กรัม
กุ้งขาว 8-10 ตัว
ปลาหมึก 4-6 ตัว
กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ + 1 ช้อนชา
ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ + 1 ช้อนชา
พริกไทยป่น
น้ำมันพืช
เครื่องปรุงรส พริกป่น น้ำตาลทราย น้ำส้มสายชู และ น้ำปลา

วิธีทำ
1) ตั้งหม้อด้วยไฟปานกลาง ใส่ซี่โครงหมูลงไป

2) ระหว่างที่ต้มกระดูกหมู ปอกเปลือกกุ้งและผ่าหลังเอาเส้นเลือดสีดำออก ล้วงใส้ข้างในปลาหมึกและหั่นเป็นแว่นๆ พักไว้

3) ตั้งกระทะด้วยไฟกลาง เทน้ำมันพืชลงไป น นำกระเทียมสับลงไปเจียวสักครู่พอหอม ใส่เนื้อหมูสับลงไป ปรุงรสด้วยเกลือ 1 ช้อนชา และซอสปรุงรส 1 ช้อนชา เมื่อสุกแล้วก็ตักมาพักไว้

4) ซอยต้นหอม หั่นเห็ดหอมเป็นเส้นๆ

5) เมื่อซี่โครงเริ่มยุ่ยๆแล้ว ใส่ข้าวสารลงไป คนไม่ให้ติดหม้อ

6) รอสักครู่ จากนั้นใส่เนื้อหมูสับ กุ้ง ปลากหมึก เห็ดหอมลงไป คนให้เข้ากัน

7) เมื่อข้าวเริ่มสุกแล้ว ให้ใส่เกลือ และซอสปรุงรส ถ้าขาดอะไรก็เติมเพิ่ม

8) ใส่คื่นช่ายและต้นหอมซอย คนให้เข้ากันอีกครั้ง

แกงเขียวหวานเนื้อ


เมนูอาหารไทยวันนี้ ขอเอาใจคนทานเนื้อวัวกันสักหน่อย วันหยุดสงกรานต์ ยาวติดต่อกันหลายวันแบบนี้ เรามาชวนกันทำอาหารไทยรับประทานกันในครอบครัวจะดีกว่า เพราะสมาชิกทุกคน อยู่กันพร้อมหน้า พร้อมตากัน บรรยากาศเหมาะแก่การปูเสื่อ สังสรรค์แบบไทยๆ มากทีเดียว  มื้อกลางวัน อยากจะขอแนะนำ ขนมจีน แกงเขียวหวานเนื้อ อาหารจานเดียวที่อิ่มอร่อย และมีประโยชน์ เป็นอาหารขึ้นโต๊ะที่เลื่องชื่อ ไม่ว่าคนไทย หรือชาวต่างชาติ เป็นต้องยอมรับในรสชาติของแกงเขียวหวานว่า อร่อยลิ้น เผ็ดร้อน ครบรสจริงๆ
แกงเขียวหวานเนื้อของเรา มีสูตรพิเศษ ตรงที่เราจะหมักเนื้อกับบรั่นดี ซึ่งจะทำให้รสชาติของเนื้อดีขึ้น และนุ่มลิ้นมากขึ้นด้วย หลายๆ คนที่ไม่รับประทานเนื้อ ก็อาจจะเปลี่ยนแปลงจากเนื้อวัว ไปเป็นเนื้อหมู หรือเนื้อปลากรายก็ได้ เพราะสูตรแกงเขียวหวาน เป็นอาหารไทยที่สามารถพลิกแพลงได้ ไม่ได้จำเพาะเจาะจงว่า จะต้องใช้เนื้อสัตว์ใด มาเป็นเครื่องประกอบอาหาร เพียงแต่ ถ้าเปลี่ยนจากเนื้อวัวเป็นปลา ก็อาจจะต้องมีการใส่กระชายหั่นฝอยเพิ่มเข้าไป เพื่อดับกลิ่นคาวปลา และมะเขือเปาะ มะเขือพวง ก็อาจจะใช้มะเขือยาวหั่นเป็นรูปสี่เหลี่ยมแทน นอกจากจะดูสวยงาม น่ารับประทานแล้วยังมีประโยชน์
ส่วนสาวๆ ที่กลัวอ้วน เพราะแกงเขียวหวานเนื้อ เป็นอาหารไทยที่ใช้กะทิเป็นหลักในการประกอบอาหาร เกรงว่าจะไปเพิ่มไขมัน คลอเรสเตอรอล และอื่นใด อยากจะบอกว่า อาหารไทยเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนนะ และคนไทยแต่โบราณ เข้าใจซ่อนเทคนิคในการทำอาหารไว้ในเมนูเดียวกันอย่างลึกซึ้ง มีวิธีแก้โรคต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นจากการใช้กะทิมาประกอบอาหาร ด้วยการใช้สมุนไพรไทยเพิ่มลงไป นอกจากจะทำให้กลิ่นแกงมีความหอมฟุ้ง ไปไกลแล้ว ยังทำให้มีรสชาติที่อร่อยลิ้นมากขึ้น เทคนิคในการทำอาหารด้วยสมุนไพร คืออะไร หลายๆ คนอาจจะสงสัยมากขึ้นไปอีก  ณ วินาทีนี้คงต้องอธิบายว่า ในแกงเขียว นอกจากกะทิ และเนื้อแล้ว เครื่องปรุงน้ำพริก และผักต่างๆ ที่ใส่ลงไปในหม้อแกง จะประกอบไปด้วย ข่า ตะไคร้ พริกสด โหระพา มะเขือเปาะ มะเขือพวง ใบมะกรูด  ส่วนประกอบแต่ละชนิดสำคัญอย่างไร ยกตัวอย่างให้เห็นกันเลย เช่น “โหระพา” ใบสดๆ ของโหระพา จะมีน้ำมันหอมระเหย methyl chavicol และ linalool ฯลฯ ขับลมแก้ท้องอืดเฟ้อ  “มะเขือพวง” จะช่วยให้เจริญอาหาร ช่วยระบบขับถ่าย บำรุงธาตุ  ขับเสมหะ แก้ไอ  ช่วยให้โลหิตหมุนเวียนได้ดี  แก้ปวด  ฟกซ้ำ  ปวดกระเพาะ  แก้อาการฝีบวมหนอง  อาการบวม  อักเสบ  ขับปัสสาวะ  “ใบมะกรูด” ช่วย ขับลม ทำให้เลือดลมไหลเวียนดี เหล่านี้เป็นต้น  เห็นมั๊ยคะ อาหารไทย นอกจากอร่อยลิ้นจนโด่งดังไปทั่วโลกแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย

วันอังคารที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2556

น้ำซุปก๋วยเตี๋ยว


ก๋วยเตี๋ยว เป็นอาหารที่เรานิยมรับประทานกันมาก สังเกตุได้ว่า เวลาที่นั่งรถผ่านไปตามสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นถนนสายหลัก หรือสายรอง เราจะเห็นร้านขายก๋วยเตี๋ยวสารพัดเฟรนไชส์ รวมถึงร้านก๋วยเตี๋ยวที่สร้างสรรค์สูตรขึ้นมาเอง เป็นธุรกิจเล็กๆ ที่สามารถสร้างรายได้ เลี้ยงครอบครัวได้ในระดับหนึ่ง แต่สำหรับวันว่าง ที่ครอบครัวอยู่พร้อมหน้ากัน แทนที่จะออกไปหาซื้อก๋วยเตี๋ยวรับประทาน บางคนกลับชอบทำก๋วยเตี๋ยวรับประทานกันเอง ถึงแม้ว่าจะดูยุ่งยาก เพราะต้องเตรียมเครื่องหลายอย่าง แต่ถ้าคิดในด้านบวก การไปจ่ายตลาดในตอนเช้า คุณแม่เลือกวัตถุดิบ จูงมือคุณลูก พร้อมกับแนะนำวิธีการต่างๆ เป็นการสอนวิชาการทำอาหารไปในตัว ส่วนคุณพ่อเป็นฝ่ายสนับสนุน ด้วยการหอบหิ้วของเต็มสองมือ ก็นับว่าสนุกไม่น้อยเลย

เคล็ดลับในการทำก๋วยเตี๋ยวให้อร่อย น่ารับประทาน ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่า การปรุงน้ำซุบก๋วยเตี๋ยวให้หอม มีรสชาติกลมกล่อม น่ารับประทาน นี่คือหลักสำคัญ ถือว่าเป็นหัวใจของอาหารชนิดนี้เลย หลายๆ คนคิดว่า ไม่เห็นยาก แค่ต้มกระดูกหมู โครงไก่ ใส่คนอร์ ใส่ผงชูรส เท่านี้ก็อร่อยแล้ว แต่น้ำซุปก่วยเตี๋ยวที่หอมอร่อย ชวนรับประทานมีอะไรที่มากไปกว่านั้น ถ้าคิดแบบคนที่ต้องการทำอาหารอร่อย แบบสุดฝีมือล่ะก็ เห็นทีจะต้องเตรียมทั้งกระดูกหมู ส่วนที่เรียกว่า เอียวเล็ง และอาจมีโครงการไก่ซักโครง มาเป็นพันธมิตรกัน หอมใหญ่ ไชเท้า พริกไทยเม็ด เกลือ รากผักชีว กระเทียม น้ำกระเทียมดอง น้ำตาลทราย กุ้งแห้ง นำมาลวกในหม้อน้ำซุป เช่นเดียวกบหมูสับ ให้เอามาลวกในหม้อน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวเช่นกัน จะทำให้น้ำซุปหอม หวาน มากยิ่งขึ้น เวลาที่น้ำซุปเดือดดีแล้ว ให้หรี่ไฟเหลือไฟรุมๆ แล้วใส่น้ำปลาดีผสมลงไปเล็กน้อย 

น้ำซุปก๋วยเตี๋ยว เป็นอะไรที่ต้องการเวลาในการเคี่ยว ไม่ใช้ไฟแรงๆ ให้น้ำเดือดปุดๆ เพราะจะทำให้น้ำซุปขุ่น ข้น ไม่น่ารับประทาน แต่ควรจะเคี่ยวไปเรื่อยๆ เพื่อให้น้ำหอมใหญ่ และไชเท้าคลายความหวานใส่น้ำซุป อีกทั้งกระดูกหมูก็จะเปื่อยนุ่ม เป็นชิ้น เป็นอัน ไม่แตกกระจายกันไป  ส่วนเรื่องการเตรียมเครื่องก๋วยเตี๋ยวนั้นไม่มีอะไรยากเลย อยู่ที่ว่า เราต้องการทำก๋วยเตี๋ยวอะไรรับประทาน ถ้าเป็นก๋วยเตี๋ยวต้มยำหมูมะนาว ใส่ตำลึง ก็กลายเป็นอาหารสุขภาพไปในทันที เพราะตำลึง เป็นผักที่มีประโยชน์ตั้งแต่รากขึ้นไปจนถึงลำต้นเลยทีเดียว มีประโยชน์ต่อร่างกายของเรา โดยมีสรรพคุณในการรักษาเบาหวาน เป็นยาระบาย ลดความอ้วนได้ด้วย ถ้าผู้สูงวัย จะยิ่งมีประโยชน์มาก ตรงที่รักษาดวงตาฝ้าฟาง และอื่นๆ อีกมากมาย  การทำอาหารไทยรับประทานกัน นอกจากจะสร้างความสนิทสนม กลมเกลียวกัน ยังได้รับความสนุกสนาน และยังช่วยในเรื่องของสุขภาพที่ดีอีกด้วย

วันจันทร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2556

ข้าวเหนียวมะม่วง

ข้าวเหนียวมะม่วง


อาหารไทยวันนี้ อยากจะแนะนำเมนูของหวานหน้าร้อนประจำชาติไทยเรา ที่ชาวต่างชาตินิยมรับประทานกันมาก แม้กระทั่งร้านไอศครีมชื่อดังยังบรรจุของหวานชนิดนี้ไว้ในเมนูหลัก ไม่ต้องเดาก็พอจะรู้กันดีว่าต้องเป็น ข้าวเหนียว มะม่วง  เมื่อถึงฤดูร้อน ช่วงเดือนเมษายน – พฤษภาคม จะเป็นช่วงที่มะม่วงกำลังสุก ปากตะกร้อ รสชาติหวานจัด น่ารับประทาน ถ้าเป็นครอบครัวไทย ที่ยังอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ นิยมปลูกไม้ผลเรียงรายตามแนวขอบรั้วรอบบ้าน เมื่อถึงช่วงฤดูร้อน ลูกหลานมักจะอยู่กันพร้อมหน้า พร้อมตา เพราะเป็นช่วงปิดเทอมใหญ่ ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้าน ก็มักจะชวนกันมูลข้าวเหนียว เด็กๆ ก็เฮกันไปเก็บมะม่วง ทั้งดิบ ทั้งสุก มาร่วมวงรับประทานกันอย่างสนุกสนาน แทนอาหารในแต่ละมื้อได้ดีทีเดียว

แต่สมัยปัจจุบันนี้ ข้าวเหนียว มะม่วง ที่อร่อยมากๆ สนนราคาจานหนึ่งเป็นร้อยบาทขึ้นไป แต่ผู้จ่ายก็ยินดีจ่าย เพราะมักจะรับประทานกันไม่มาก เนื่องจากอยู่เป็นครอบครัวเดี่ยว แต่สำหรับบางครอบครัวที่ยังคงมีสมาชิกครบทุกรุ่น นับตั้งแต่คุณทวด คุณตา คุณยาย คุณพ่อ คุณแม่ และคุณลูกๆ  หน้าร้อนที่มีวันหยุดยาวๆ แบบนี้ ทำข้าวเหนียวมูลรับประทานกันเอง เป็นการสรรหากิจกรรมมาทำร่วมกันในครอบครัว และสอนบุตรหลานให้รักการทำอาหารไปในตัว ก็เป็นสิ่งที่ดีนะครับ 

ข้าวเหนียวมูล มีขั้นตอนในการทำไม่ยากเลย มะม่วงสุก ถ้าที่บ้านเราไม่ได้ปลูกไว้ ก็หาซื้อตามตลาด มีให้เลือกมากมาย  ส่วนวัตถุดิบในการเตรียมมูลข้าวเหนียว เริ่มจาก ข้าวเหนียว ต้องเป็นข้าวเหนียวเขี้ยวงูนะครับ เพราะเมล็ดจะสวย และนุ่มเวลาที่ดูดซึมน้ำกะทิเข้าไป จะหอมน่ารับประทานมากจริงๆ จากนั้นก็มี หัวกะทิ เป็นกล่องก็ได้ เกลือป่นนิดหน่อย น้ำตาลทราย ใบเตย จะช่วยให้ข้าวเหนียวหอมกรุ่น และมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ช่วยบำรุงหัวใจ และรักษาโรคเบาหวานได้ดีอีกด้วย ถั่วทอง ที่ทอดไว้โรยบนข้าวเหนียว นอกจากจะช่วยให้สีสันของข้าวเหนียว ดูสวยงามแล้ว ถั่วทอง ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพ สำหรับคนที่เป็นเหน็บชา จะช่วยให้ลดอาการเป็นเหน็บชาได้  การฝึกทำข้าวเหนียวมูล เคล็ดลับต่างๆ บางครั้งก็ไม่ได้ตรงเป๊ะอย่างที่กำหนดไว้ คนไทยเราชอบทำอาหารด้วยการกะ วัดจากสายตา ใช้ความรู้สึกในการทำอาหาร เพราะแต่ละคน มีความชอบในรสชาติที่ไม่เหมือนกัน อาจจะอ่อนหวาน อ่อนเค็ม หรือใช้ชอบกะทิมันๆ ขึ้นอยู่กับการฝึกปรือ และความชอบอย่างที่ว่า แต่อาหารไทยก็ยังคงลักษณะความเป็นไทย ที่นอกเหนือจากความอร่อยแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เป็นสูตรเด็ด เคล็ดลับที่ซ่อนไว้ภายใต้หน้าตาสวยงาม กลิ่นหอมชวนรับประทาน และรสชาติที่ถูกปาก 
Free Backlinks sumsoccer Backlinks thailand-poker Backlinks